
April 24, 2025
กัณฑ์ที่ 10 สักกบรรพ
กัณฑ์ที่ 10 สักกบรรพ (สักกปัพพะ ประกอบด้วยคาถา 49 คาถา)
ดร. พิสิฏฐ์ โคตรสุโพธิ์ ผู้เขียน
ว่าด้วยพระอินทร์แปลงกายเป็นพราหมณ์แก่ แกล้งมาทูลขอพระนางมัทรี และถวายคืนพร้อมกับกำชับว่า อย่างให้ทานแก่ใครอีก สุดท้ายทรงประทานพร 8 ประการ แด่พระเวสสันดร
บาลี คาถาที่ 786 (1202) ตโตรตฺยา วิวสเน สุริยสฺสุคฺคมนํ ปติ
สกฺโก พฺรหฺมณวณเณน ปาโต เนสํ อทิสฺสถ ฯ
(แปล) ลำดับนั้น เมื่อราตรีสิ้นไป พระอาทิตย์อุทัยขึ้นมา เวลาเช้าท้าวสักกเทวราชทรงแปลงเพศเป็นอย่างพราหมณ์ ได้ปรากฏแก่สองกษัตริย์นั้น
คาถาที่ 834 (1214) อิทํ วตฺวาน มฆวา เทวราชา สุชมฺปติ
เวสฺสนฺตเร วรํ ทตฺวา สคฺคกายํ อปกฺกมิ ฯ
(แปล) ครั้นตรัสพระดำรัสเท่านี้แล้วท้าวสุชัมบดีมฆวาฬเทวราช ทรงพระราชทานพรแก่พระเวสสันดรแล้วได้เสด็จกลับไปยังหมู่สวรรค์
ความไทย
ท้าวสักกะ อมรินทร์ ราชาแห่งเทวโลกชั้นดาวดึงส์ ทรงดำริว่า “เมื่อวันวานนี้ พระเวสสันดรได้ประทานปิยบุตรแก่ชูชกพราหมณ์ บัดนี้ ถ้าจะมีคนต่ำช้าผู้หนึ่งไปเฝ้าพระเวสสันดร ทูลขอพระนางมัทรีผู้สมบูรณ์ด้วยลักษณะทั้งปวง มีศีลาจารวัตรบริบูรณ์ พาพระนางมัทรีไป ทำให้ท้าวเธออยู่คนเดียว ท้าวเธอก็จะขาดผู้ปฏิบัติ เราจะจำแลงเพศเป็นพราหมณ์ ไปเฝ้าท้าวเธอ ทูลขอพระนางมัทรี ให้ถือเอาทานนั้นเป็นยอดแห่งทานบารมี ทำให้ไม่ควรสละแก่ใครๆ แล้วถวายพระนางเจ้านั้นคืนท้าวเธอไว้อีก แล้วกลับเทวสถานของเรา”
ท้าวสักกเทวราชก็ได้เสด็จไปสู่ สำนักพระโพธิสัตว์ ในเวลาพระอาทิตย์ขึ้น แปลงเพศเป็นพราหมณ์ชรา ไปขอพระนางมัทรี พระเวสสันดรจึงนำน้ำเต้ามาหลั่งน้ำลงในมือของพราหมณ์ พระราชทานปิยทารทาน(มเหสีที่รัก)แก่พราหมณ์แปลง
พระเวสสันดรก็พระราชทานให้ พร้อมกับรับสั่งว่า พระนางมัทรีนั้น พระองค์รักใคร่ดังดวงเนตร แต่รัก
สัพพัญญุตญาณยิ่งกว่ามาก จึงยินดีให้ เสมือนแลกเอาพระสัพพัญญุตญาณไว้ แม้พระนางมัทรีก็ยินดีอนุโมทนา ในการพระราชทานของพระเวสสันดร เพื่อร่วมทานบารมี ให้สําเร็จแก่พระสัมโพธิญาณ เป็นเหตุให้แผ่นดินไหว เป็นอัศจรรย์
ต่อนั้นท้าวสักกะ พราหมณ์แปลง พาพระนางมัทรีไปหน่อยหนึ่งแล้วนำกลับมาถวายคืนฝากพระนางมัทรีไว้ ยังไม่รับไป ขอให้อยู่ปฏิบัติพระเวสสันดร และทรงบอกว่า ตนมิได้เป็นพราหมณ์เข็ญใจ หากเป็นท้าวสักกะ จึงสําแดงกายเป็นพระอินทร์ให้ปรากฏ เหาะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า และจะขอถวายพร 8 ประการแก่พระองค์
พระเวสสันดรจึงตรัสว่า “ข้าแต่ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่ของสรรพสัตว์ ถ้าพระองค์จะประทานพระพรแก่หม่อมฉัน โปรดประทานพรตามลำดับดังนี้
พรข้อที่ 1 ขอพระชนกของหม่อมฉันพึงทรงยินดี ให้หม่อมฉันกลับจากป่านี้สู่นิเวศน์ของหม่อมฉัน พึงเชื้อเชิญด้วยราชบัลลังก์
พรข้อที่ 2 หม่อมฉันไม่ชอบการฆ่าคน แม้ทำผิดร้ายแรง พึงยังคนมีโทษให้พ้นจากการประหารชีวิต
พรข้อที่ 3 ชนเหล่าใดเป็นคนแก่ เป็นคนหนุ่ม และเป็นคนกลางคน ชนเหล่านั้นพึงอาศัยหม่อมฉันเลี้ยงชีพ
พรข้อที่ 4 หม่อมฉันไม่พึงถึงภรรยาของชนอื่น พึงขวนขวายแต่ในภรรยาของตน และไม่พึงตกอยู่ในอำนาจแห่งสตรีทั้งหลาย
พรข้อที่ 5 บุตรของหม่อมฉันที่พลัดพรากไปนั้น พึงมีอายุยืน พึงครองแผ่นดินโดยธรรม
พรข้อที่ 6 เมื่อราตรีสิ้นไป พระอาทิตย์อุทัยขึ้นมา ขอให้ภิกษาหารอันเป็นทิพย์พึงปรากฏมี
พรข้อที่ 7 เมื่อหม่อมฉันบริจาคทาน ทรัพย์สมบัติพึงไม่หมดสิ้นไป บริจาคแล้วไม่พึงเดือดร้อนภายหลัง เมื่อกำลังบริจาคพึงทำจิตให้ผ่องใส
พรข้อที่ 8 เมื่อหม่อมฉันพ้นจากอัตภาพนี้ พึงไปสู่สวรรค์ถึงชั้นดุสิตอันวิเศษ จุติจากชั้นดุสิตนั้นมาเป็นมนุษย์ พึงเป็นผู้ไม่เกิดอีก”
สรุปพร 8 ประการด้วยภาษาสามัญดังนี้
1. ขอให้พระบิดามีพระเมตตาเสด็จออกมารับกลับเข้าไปครองราชสมบัติในพระนครสีพี
2. ขอให้ปลดปล่อยนักโทษออกจากเรือนจําทั้งมวล
3. ขอให้ได้อนุเคราะห์คนยากจนในแว่นแคว้น ให้บริบูรณ์ด้วยสรรพโภคสมบัติ
4. ขออย่าให้ลุอํานาจสตรี ก้าวล่วงภรรยาผู้อื่น ให้พอใจเฉพาะในชายาของพระองค์เท่านั้น
5. ขอให้เห็นพระโอรสทั้งสอง คือ พระชาลีกุมาร และนางกัณหา ทรงมีชนมายุยืน และได้เป็นพระมหากษัตริย์ สืบราชสมบัติต่อไป
6. ขอให้ฝนแก้ว 7 ประการ ตกลงในเมืองสีพี ขณะเมื่อพระองค์ไปถึงพระนคร
7. ขอให้สมบัติในท้องพระคลังอย่ารู้หมดสิ้น ในเวลาบริจาคแก่ยาจกทั่วเมือง ด้วยน้ำพระทัยไม่ท้อถอยในเวลาบําเพ็ญทาน
8. เมื่อทิวงคตแล้ว ขอให้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต เมื่อจุติลงมาเป็นมนุษย์ ให้ได้บรรลุพระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณ
ท้าวสักกะเทวราช ก็ตรัสประสิทธิ์ประสาทให้สมมโนรถ และตรัสว่าในไม่ช้า พระชนกก็จะเสด็จออกมา รับพระองค์คืนเข้าไปครองราชสมบัติ อย่าทรงวิตกอาดูรพระทัย อุตสาห์บำเพ็ญเนกขัมมบารมีตามทางพุทธางกูรสืบไปเถิด แล้วพระอินทร์ก็เสด็จกลับเทวโลก[1]
[1] พระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารีเถระ), เรื่องเดียวกัน, หน้า399.