
April 17, 2025
กัณฑ์ที่ 1 ทศพร (ทสวรคาถา หรือ ทสวรคาถาปัพพะ (ทศพร) ประกอบด้วยคาถา 13 คาถา)
ว่าด้วยพร 10 ประการ ที่พระอินทร์ประทานแก่นางผุสดีก่อนจุติลงมาเกิดโลกมนุษย์
บาลี
คาถาที่ 1 (1045) ผุสฺสตี วรวณฺณาเภ วรสฺสุ ทสธา วเร
ปฐพฺยา จารุปุพฺพงฺคี ยํ ตุยฺหํ มนโส ปิยํ ฯ
(แปล) ดูกรผุสดี ผู้มีรัศมีแห่งผิวพรรณอันประเสริฐ ผู้มีอวัยวะส่วนเบื้องหน้างาม เธอจงเลือกเอาพร 10 ประการ ในปฐพี ซึ่งเป็นที่รักแห่งหฤทัยของเธอ
คาถาที่ 13 (1051) อิทํ วตฺวาน มฆวา เทวราชา สุชมฺปติ
ผุสฺสติยา วรํ ทตฺวา อนุโมทิตฺถ วาสโว ฯ
(แปล) ครั้นท้าววาสวะ มฆวา สุชัมบดีเทวราชตรัสอย่างนี้แล้ว ก็โปรดประทานพร แก่พระนางผุสดี เทพอัปสร
ความไทย
จําเนียรกาลมา พระนางผุสดีเทพอัปสรจะสิ้นบุญ ต้องจุติ ท้าวสักกะพระสวามีทรงทราบ จึงพาพระนางไปประทับยังสวนนันทวันในเทวโลก เพื่อความสําราญพระทัย แล้วตรัสบอกว่า บัดนี้ เธอสิ้นบุญ จะต้องจุติไปบังเกิดในโลกมนุษย์แล้ว ฉันจะให้พร 10 ประการ (ทศพร: ทศ = 10, พร = สิ่งที่เลิศ ) เธอจงเลือกเอาตามใจเถิด
พระนางผุสดีได้ทูลขอรับพร 10 ประการ ตามที่พอใจ ดังนี้
1. ขอให้หม่อมฉัน ได้อยู่ในปราสาทของพระเจ้าสีวิราชแห่งพระนครสีพี
2. ขอให้หม่อมฉัน มีจักษุดํา ดุจนัยน์ตาลูกเนื้อ
3. ขอให้หม่อมฉัน มีคิ้วดําสนิท
4. ขอให้หม่อมฉัน มีนามว่า “ผุสดี”
5. ขอให้หม่อมฉัน มีพระโอรสที่ทรงเกียรติยศ เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย และมีใจบุญ
6. ในเวลาทรงครรภ์ ขออย่าให้ครรภ์ของหม่อมฉันนั้นนูนปรากฏดังสตรีสามัญ
7. ขอให้หม่อมฉัน มีถันงามในเวลาทรงครรภ์ก็อย่ารู้ดำและต่อไปก็อย่าให้หย่อนยาน
8. ขอให้หม่อมฉัน มีเกศาดําสนิท
9. ขอให้หม่อนฉัน มีผิวงาม
10. ขอให้หม่อนฉัน ทรงอํานาจปลดปล่อยนักโทษได้[1]
หมายเหตุ
พระอรรถกถาจารย์ ท้าวความย้อนอดีตชาติของพระนางผุสดีว่า เมื่อ 91 กัล์ปที่ผ่านมา สมัยพระพุทธเจ้า พระนามว่า วิปัสสี พระนางผุสดีเกิดเป็นพระราชธิดาองค์ใหญ่ ของพระเจ้าพันธุมราช นครพันธุมวดี พระนางได้นำแก่นจันทน์ที่พระบิดาพระราชทาน มาบดเป็นผงและถวายเป็นพุทธบูชา ปรารถนาอยากเกิดเป็นพระพุทธมารดาองค์ที่จะมาตรัสรู้ในอนาคต [2] ส่วนพระราชธิดาองค์น้อย ถวายเครื่องประดับทรวง ทั้ง 2 พระองค์ ครั้งล่วงเวลา 91 กัล์ปมา ก็ได้มาเกิดเป็นพระราชธิดาของพระเจ้า กิกิ(บางแห่งกึกิ) นามว่า อุรัจฉทา และได้สดับพระธรรมเทศนา ของพระพุทธเจ้านามว่า กัสสปะ ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ส่วนพระราชธิดาองค์พี่ นามว่า สุธรรมา ในพระราชธิดาอีก 7 พระองค์ของพระเจ้ากึกิ และในสมัยพระสิทธัตถะ ศากยโคตมพุทธเจ้า ก็ได้มาเกิดเป็นบุคคลต่างๆ ดังความว่า “นางสมณี นางสมณคุตตา นางภิกษุณี นางภิกขุทาสิกา นางธรรมา นางสุธรรมาและนางสังฆทาสีเป็นที่ 7 ราชธิดาทั้ง 7 เหล่านั้น ในพุทธุปบาทกาลนี้ มีนามปรากฏคือ นางสมณี คือ นางเขมา นางสมณคุตตา คือ นางอุบลวรรณา นางภิกษุณี คือ นางปฏาจารา นางภิกขุทาสิกา คือ พระนางโคตมี นางธรรมา คือ นางธรรมทินนา นางสุธรรมา คือ พระนางมหามายา และ นางสังฆทาสี คือ นางวิสาขาเป็นที่ 7 ตามลำดับ
ในราชธิดา 7 นางเหล่านั้น นางสุธรรมา ครั้นจุติจากภพนั้นก็อุบัติไปเกิดเป็นเทพธิดา มีนามว่า “ผุสดี” พระนางผุสดีเป็นมเหสีของท้าวสักกะ หรือ พระอินทร์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะพระนางสิ้นบุญลงก่อนจะลงมาเกิดจึงได้รับพร 10 ประการจากพระอินทร์ แล้วพระนางก็จุติ(เคลื่อน)มาเกิด(ปฏิสนธิ)เป็นพระนางผุสดี คงชื่อเดิม และได้เป็นพระมเหสีของพระเจ้าสัญชัย ผู้ครองนครสีพี เป็นพระมารดาพระเวสสันดร และมาเกิดเป็นพระนางสิริมหามายา พระพุทธมารดาในพุทธุบาทกาลนี้
อนึ่ง พร 10 ประการนี้ ถ้าจะกล่าวย่นย่อลงมา ก็คือ นางผุสดี ขอรูปงาม นามเพราะ จำนวน 7 พร อีก 3 พร คือ เป็นสมบัติ 1 พร และอำนาจเกียรติยศ อีก 2 พร ดังนี้
ก. ขอรูปงาม มี 6 พร คือ พรข้อที่ 2 ตางาม, พรข้อที่ 3 คิ้วงาม, พรข้อที่ 6 ครรภ์งาม, พรข้อที่ 7 ถันงาม, พรข้อที่ 8 ผมงาม และพรข้อที่ 9 ผิวงาม
ข. ขอนามเพราะ คือ พรข้อที่ 4 ขอให้มีนาม ผุสดี เหมือนเดิม คำว่า ผุสฺสตี เพราะความเป็นผู้มีสรีระอ่อนนุ่ม ดุจถูกประพรมไว้ด้วยแก่นจันทน์แดง (รตฺตจนฺทนปริปฺโผสิเตน วิย สรีเรน ชาตตฺตา ผุสฺสตี นาม กุมาริกา)
ค. ขอสมบัติ คือ พรข้อที่ 1 ขอให้อยู่ในปราสาท ราชวัง
ง. ขออำนาจเกียรติยศ คือ พรข้อที่ 5 ขอพระโอรสที่ทรงเกียรติยศเหนือกษัตริย์ทั้งหลาย และ พรข้อที่ 10 ขอให้นางทรงอํานาจสามารถปลดปล่อยนักโทษจากที่คุมขังได้
ในที่สุด ท้าวสักกะ องค์อัมรินทราธิราช ก็ทรงประสาทพรทั้ง 10 ประการ ให้พระนาง ผุสดี สมมโนรถดังที่พระนางปรารถนาทุกประการ
กัณฑ์ที่ 1 ทศพร
ศิลปิน : พระพิษณุ ลมูลภักตร์